ลิเวอร์พูลทุ่มสะเทือนตลาด! ผงาดจ่าฝูงทีมใช้เงินเกินพันล้านในพรีเมียร์ลีก

ตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนปีนี้ในพรีเมียร์ลีกเรียกได้ว่า “เดือด” กว่าทุกปี โดยเฉพาะบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ที่เร่งเสริมทัพอย่างหนัก และลิเวอร์พูลคือทีมที่ใช้เงินมากที่สุดในขณะนี้ ด้วยมูลค่ารวม 269 ล้านปอนด์
"หงส์แดง" แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว คว้าตัว ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ กองกลางทีมชาติเยอรมนี ด้วยค่าตัวสถิติอังกฤษ 116 ล้านปอนด์ และ ฮูโก้ เอกิติเก้ กองหน้าชาวฝรั่งเศสอีก 69 ล้านปอนด์ (อาจเพิ่มเป็น 79 ล้านปอนด์) พร้อมเสริมแนวรับด้วย มิลอช เคร์เคซ จากบอร์นมัธ 40.8 ล้านปอนด์ และ เจเรมี ฟริมปง จากเลเวอร์คูเซ่นเกือบ 35 ล้านปอนด์
ในขณะที่อาร์เซนอลใกล้ปิดดีล วิคเตอร์ ยอเกเรส ดาวยิงสปอร์ติง ลิสบอน 63.5 ล้านปอนด์ และได้ มาร์ติน ซูบีเมนดี กับ โนนี มาดูเอเก มาเสริมแนวรุกเช่นกัน หากยอเกเรสย้ายมา จะทำให้ยอดใช้จ่ายรวมแตะ 200 ล้านปอนด์ทันที
เชลซีก็ไม่น้อยหน้า ใช้เงินไปกว่า 212 ล้านปอนด์ โดยซื้อ ชูเอา เปโดร, เจมี กิตเทนส์ และเลียม เดลาป รวมถึงหลายดาวรุ่งจากอังกฤษ
แมนฯ ซิตี้ แม้เงียบกว่าแต่ก็จ่ายไป 127 ล้านปอนด์เพื่อคว้า ติจานี เรจน์เดอร์ส, รายาน ไอต์-นูรี และรายาน แชร์กี ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ที่หล่นไปถึงอันดับ 15 ซีซั่นก่อน ใช้ไปแล้ว 133.5 ล้านปอนด์กับไบรอัน เอ็มบูโม่ และมาเธอุส คุนญ่า
หากลิเวอร์พูลเซ็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิลที่ค่าตัวอาจสูงถึง 135-150 ล้านปอนด์ พวกเขาอาจกลายเป็นสโมสรที่ใช้เงินมากที่สุดในหน้าต่างซื้อขายเดียวในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล
ด้านการเงิน ลิเวอร์พูลยังแข็งแกร่ง มีรายรับจากการคว้าแชมป์, ขยายสนามแอนฟิลด์, สปอนเซอร์ใหม่จาก Adidas และการเล่นในแชมเปียนส์ลีกเวอร์ชันใหม่ ทำให้รายได้รวมในฤดูกาลนี้อาจทะลุ 700 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ พวกเขายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยภายใต้กฎ PSR (Profit and Sustainability Rules) ซึ่งจำกัดการขาดทุนสะสมไว้ที่ 105 ล้านปอนด์ใน 3 ปี
ขณะที่อีกด้านของพรีเมียร์ลีก ทีมเล็กที่เพิ่งเลื่อนชั้นอย่างซันเดอร์แลนด์, เบิร์นลีย์ และลีดส์ ก็ใช้เงินเสริมทัพไม่น้อย โดยซันเดอร์แลนด์จ่ายไปกว่า 100 ล้านปอนด์ ส่วนเบิร์นลีย์และลีดส์อยู่ที่ประมาณ 60-70 ล้านปอนด์
แม้ช่วงต้นปีที่แล้วจะมีเสียงชื่นชมว่าลีกเปิดกว้างกว่าที่เคย หลังน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และบอร์นมัธ ทำผลงานดี แต่สุดท้ายทีมใหญ่ก็กลับมาครองพื้นที่หัวตารางตามเดิม
ตลาดซื้อขายยังเหลือเวลาอีกกว่า 1 เดือน ก่อนปิดในวันที่ 1 กันยายน และดูเหมือนความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ยังมาไม่หมดแน่นอน!

