หุ้นแมนยูร่วงหนักหลังชวดแชมป์ยูโรปา พลาดตั๋วแชมเปียนส์ลีก สูญรายได้กว่า 100 ล้านปอนด์

หุ้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดิ่งลงแรงที่สุดในรอบเกือบ 8 เดือน หลังจากทีมพ่ายแพ้ต่อท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-1 ในนัดชิงชนะเลิศยูโรปาลีกที่เมืองบิลเบาเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ส่งผลให้สโมสรพลาดสิทธิ์เข้าร่วมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า และสูญรายได้รวมกว่า 100 ล้านปอนด์ ราคาหุ้นของแมนยูร่วงลงเกือบ 8% ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยแต่ยังปิดตลาดด้วยการขาดทุน 6.7% ขณะที่มูลค่าหุ้นโดยรวมลดลงราว 20% แล้วในปีนี้ ทั้งที่ราคาหุ้นเพิ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ก่อนเกมจะเริ่ม
ความพ่ายแพ้นี้ถือเป็นผลกระทบครั้งใหญ่ต่อเจ้าของทีมอย่างตระกูลเกลเซอร์และเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เพราะนอกจากพลาดรายได้จากค่าตั๋ว, ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และโบนัสจากสปอนเซอร์แล้ว แมนยูยังจะไม่มีส่วนร่วมในเวทียุโรปใด ๆ ในฤดูกาล 2025-26 ซึ่งจะกระทบต่อรายได้และผลประกอบการของสโมสรอย่างรุนแรง
เรเน่ มิวเลนสตีน อดีตโค้ชทีมชุดใหญ่ของแมนยู เรียกสถานการณ์นี้ว่า "จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ" หลังจากที่ทีมจบฤดูกาลในอันดับที่ 16 ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือว่าแย่ที่สุดในรอบ 50 ปี
นอกจากนี้ แมนยูยังต้องเผชิญกับภาระหนี้สินกว่า 1 พันล้านปอนด์ นับตั้งแต่การเทกโอเวอร์ของเกลเซอร์เมื่อปี 2005 พร้อมกับรายงานผลขาดทุน 113 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา เทียบกับ 26 ล้านปอนด์ของสเปอร์ส โดยขาดทุนรวม 3 ปีล่าสุดอยู่ที่กว่า 300 ล้านปอนด์
เพื่อแก้ไขสถานะทางการเงิน สโมสรได้ใช้มาตรการตัดงบอย่างเข้มงวด เช่น การเลิกจ้างพนักงานกว่า 200 ตำแหน่ง ปรับราคาตั๋ววันแข่งขึ้นเป็น 66 ปอนด์ ไม่มีส่วนลดให้ผู้สูงอายุหรือเด็ก และยกเลิกเงินรางวัล 50 ปอนด์สำหรับพนักงานประจำสนาม
แม้สโมสรคาดการณ์ว่าจะมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (EBITDA) ราว 145-160 ล้านปอนด์ และรายได้รวมต่อปีที่ 650-670 ล้านปอนด์ แต่แผนสร้างสนามใหม่มูลค่า 2 พันล้านปอนด์ความจุ 100,000 ที่นั่ง ก็อาจต้องทบทวนใหม่หลังเหตุการณ์นี้

