วลีที่ว่า ‘ทีมชาติชุดใหญ่ไหมครับ’ กลายเป็นคำที่แฟนบอล ‘กวนตีน’ หรือเอาคืนหลายๆ สโมสรที่รวมหัวกัน รวมไปถึงเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการ ที่ไม่ปล่อยนักเตะที่ดีที่สุดให้กับทีมชาติไทย ในช่วงก่อนหน้านี้ แน่นอนการแพ้พ่ายแบบสู้ไม่ได้เลย และเสียไปถึง 8 ประตู อาจจะเป็นเครื่องที่บ่งบอกถึงความห่างชั้นของ ไทย กับ ชาติจากยุโรป แต่เกมต่อมาที่เจอกับ เอสโตเนีย และยันเสมอ ก็เป็นเครื่องบ่งชี้อีกด้านว่า เราก็มีมุมที่ไปสู้ได้อยู่เหมือนกัน และหากได้นักเตะที่ดีกว่านี้ ผลอาจจะออกมาอีกรูปแบบหนึ่งก็เป็นได้ 

แต่เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป มองไปที่โปรแกรมต่อไปของ ‘ช้างศึก’ คือเล่นฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก กับ จีน และสิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเป็นเกมทีสำคัญที่สุดในรอบปีนี้ หากได้ดูฟอร์ม จีน แม้ว่าเพิ่งเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เวียดนนาม ไป 2-0 แต่เราก็ต่อกรกับพวกเขาได้ดีมาในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งยังได้เล่นในบ้าน อาจจะพอลุ้นได้ถึงการเก็บชัยชนะ 

ส่วนสิงคโปร์ ที่ต้องไปเล่นรอบแรกมา และพวกเขาเข้ารอบมาด้วยการ ชนะ กวม ต้องบอกว่า ฟอร์มโดยรวมของพวกเขาไม่ดีเลย แต่อาจจะมาจาการขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง พี่น้องฟานดี้ ก็เป็นได้ การบุกไปเยือนอาจจะเป็นงานที่หนัก แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงของเหล่าทัพช้างศึก 

แต่สิ่งที่ต้องโฟกันคือ โปรแกรมถัดไปของ ทีมชาติไทย ที่สมาคมประกาศว่า จะได้อุ่นเครื่องกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในวันปีใหม่ 1 มกราคม 2024 เป็นเกมก่อนที่ทัวร์นาเมนต์ เอเชียน คัพ จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก 

อันดับ 24 ของโลก อันดับที่ 2 ของเอเชีย เพิ่งถล่มเยอรมัน 4-1 และเอาชนะสเปนได้ในฟุตบอลโลกหนล่าสุด มีผู้เล่นค้าแข้งในลีกใหญ่มากมาย ทั้ง คาโอรุ มิโตมะ ของไบร์ตัน, วาตารุ เอ็นโดะ กับลิเวอร์พูล, มาเคฟุสะ คุโบะ ที่กลายเป็นแข้งฟอร์มเด่นใน ลาลีก้า ทำให้ ‘ซามูไรบลู’ ยกระดับจากทีมเอเชีย กลายเป็นทีมระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

การที่ไทย ได้ลองของก่อนไปเล่นศึกชิงแชมป์เอเชีย จะกลายเป็นบททดสอบกลายๆ ว่าพวกเขาอยู่ ณ จุดใดหากเทียบกับหนึ่งชาติที่ดีที่สุดในทวีป เพราะย้อนไปก่อนหน้านี้ การเจอกันหนล่าสุดคือ ในยุคโกลเด้นเจเนอเรชั่น ภายใต้การคุมทีมของ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังแพ้ไปถึง 0-4 และกลายเป็นเกมสุดท้ายของเขาในนามการคุมทีมชาติไทย จนเป็นที่มาของคำว่า “ใครไม่อายผมอาย” ที่พูดออกมาโดย สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอล 

แน่นอนหนนี้ มาโน่ โพลกิ้ง จะได้ใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด ชุดที่เขาต้องการใช้มากที่สุด เพราะเป็นเกมสุดท้ายก่อนที่จะถึง เอเชียน คัพ ที่คาดว่าจะเป็นการคุมทีมชาติไทย ทัวร์นาเมนต์สุดท้ายก่อนที่สัญญาจะหมดลง ดังนั้นการอุ่นเครื่องเกมนี้น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดี และเป็นเครื่องวัดระดับชั้นของทีมชาติไทย ว่าเราสู้ได้แค่ไหน และคาดหวังกับ เอเชียน คัพ ที่จะเปิดฉากแข่งต่อในอีกไม่กี่วันถัดมาได้เพียงใด 

แต่อาจจะเป็นที่น่าเสียดายสำหรับแฟนบอลชาวไทย เล็กน้อย เพราะ ฮาจิเมะ โมริยาสึ เฮดโค้ชของญี่ปุ่น ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะพลาดใช้งานนักเตะที่เล่นอยู่ในยุโรปบางรายในเกมอุ่นเครื่องช่วงปีใหม่กับทีมชาติไทย โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีกมีกำหนดแข่งขันวันที่ 30 ธ.ค. หรือก่อนหน้าเกมอุ่นกับช้างศึกเพียง 2 วัน จึงอาจทำให้บรรดาแข้งหลักที่เล่นอยู่ในอังกฤษไม่สามารถดินทางกลับมาช่วยทีมได้

“ผมไม่คิดว่าจะสามารถเรียกสมาชิกทั้ง 23 คนที่จะไปเล่นเอเชียนคัพในวันเดียวกันได้ทั้งหมด คำถามคือ จะเรียกนักเตะที่เคยลงเล่นในอดีตมาได้หรือไม่ ซึ่งผมก็คิดเหมือนกันอีกครั้งว่า เราจะเรียกนักเตะที่คิดว่าจะเป็นกำลังของทีมสำหรับอนาคตและนักเตะที่ผมอยากเห็นฝีเท้า"

ทำให้เราอาจจะไม่ได้สู้กับผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น แต่แน่นอนแม้ว่าจะเป็นตัวสำรอง หรือชุดอื่นๆ ญี่ปุ่น ก็ยังคงเป็นที่แกร่งอยู่เสมอ

เขียนโดย The Lite Team.